Bounce Rate คืออะไร เยอะแล้วดีไหม?

Bounce Rate คืออะไร เยอะแล้วดีไหม?

Bounce Rate คือ อัตราของผู้ใช้ที่คลิ๊กเข้ามาในหน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวและกดปิด โดยไม่ได้ take action ใดๆ บนเว็บไซต์ เช่น คลิ๊กลิ้งค์, กรอกฟอร์ม หรือ การซื้อสินค้า

จะสามารถระบุ Bounce Rate จากอะไรได้บ้าง

  1. เมื่อผู้เข้าชมกดปุ่มย้อนกลับ
  2. เมื่อผู้เข้าชม enter url บน address bar เพื่อไปยัง website อื่น
  3. เมื่อผู้เข้าชมกดปิดแท็บหรือwindow
  4. เมื่อผู้เข้าชมไม่ได้ take action อะไรบนเว็บไซต์เลยเป็นเวลามากกว่า 30 นาที หรือ เซสชั่นหมดอายุ

ความสำคัญของ Bounce Rate คือ

Bounce Rate เป็นส่วนช่วยในการบ่งบอกว่าเว็บไซต์ที่ทำออกมานั้นตอบโจทย์ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาดูหรือไม่ ทำให้ผู้เข้าชม/ลูกค้า interact หรือเกิด action บนเว็บไซต์ไหม การที่ตอบโจทย์หรือ ทำให้เกิด action แสดงว่า อัตราการเกิด bounce rate นั้นน้อย แต่ถ้าไม่ตอบโจทย์แสดงว่าอัตราการเกิด bounce rate นั้นมาก 

จาก report ของ GoRocketFuel.com แสดงถึง average Bounce Rate อยู่ในช่วงระหว่าง 41 และ 51 % นั้น เรียกว่า “ปกติ”

ต่อไปนี้เป็น benchmark bounce rate averages ที่แบ่งตามประเภทของเว็บไซต์ที่พบมากที่สุด:

benchmark-bounce-rate-averages-each-category

การหา Bounce Rate

Rb = Tv / Te

 

Rb = Bounce Rate

Tv = Total one-page visits

Te = Total entrance visits

Bounce บ่งบอกอะไรเรา

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจสาเหตุที่คน bounce ออกไปกันก่อน

หน้าเพจไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไหว – เช่น เมื่อเราต้นการค้นหาสินค้าเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และเมื่อเรากดเข้าไป แต่ดันกลายเป็นอุปกรณ์กีฬาแทน นั่นแสดงว่าหน้าเพจนั้นไม่ได้ตรงตามที่เราคาดหวังเอาไว้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

Ugly Design – ผู้เข้าชมมักคาดหวังในหน้าเพจที่เข้าไปครั้งแรกเสมอและมักตัดสินที่ดีไซน์ของหน้าเพจทำให้ ถึงเนื้อหาจะดีแค่ไหนแต่เพจดีไซน์ไม่ดีผู้เข้าชมก็กดปิดอยู่ดี

Bad UX – การที่เราดีไซน์เว็บออกมานอกจากจะสวยแล้วยังต้องใช้ง่ายอีกด้วย ซึ่งการที่ทำให้ผู้เข้าชมอ่านหรือไปหน้าอื่นๆได้ง่ายเป็นส่วนช่วยในการลด Bounce Rate ให้มันเป็นอย่างที่ควรจะเป็น

ไม่ใช่แค่ด้านแย่ๆ แต่ Bounce Rate ก็อาจจะบ่งบอกในด้านดีอยู่บ้างก็คือ

หน้าเพจได้ให้ในสิ่งที่ผู้เข้าชมต้องการ – เช่น เว็บไซต์สูตรการทำอาหารที่มาพร้อมกับวิธีทำและรูปในหน้าเดียว ผู้เข้าชมเพียงแค่ต้องการอ่านสูตรโดยไม่ได้กดไปยังหน้าอื่นๆ และทำอาหาร หลังจากทำเสร็จก็ปิดเว็บไซต์ไป

ซึ่งการ bounce นั้นอาจไม่ใช่แค่บ่งบอกว่า ดีไซน์หน้าเว็บคุณห่วยหรือการใช้งานที่ยาก แต่อาจเกิดจากผู้เข้าชมได้สิ่งที่ต้องการก็ได้เช่นกัน

Average Bounce Rate คืออะไร

อัตราของผู้ใช้ที่คลิ๊กเข้ามาในหน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวและกดปิด ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ซึ่ง เพียงแค่นำสูตรการหา bounce rate มาคูณ 100 เพื่อให้ได้ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ออกมา

จาก report ของ GoRocketFuel.com แสดงถึง average Bounce Rate อยู่ในช่วงระหว่าง 41 และ 51 % นั้น เรียกว่า “ปกติ” 

ต่อไปนี้เป็น benchmark bounce rate averages ที่แบ่งตามประเภทของเว็บไซต์ที่พบมากที่สุด:

Bounce Rate เยอะแล้วดีไหม

Bounce Rate นั้นมีผลต่อการ interact / take action ต่อเว็บไซต์เป็นอย่างมาก การที่ Bounce Rate เยอะนั้นแสดงว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นอาจไม่ตอบโจทย์ต่อผู้เข้าชมที่เข้ามาหรือด้วยตัวเนื้อหาหรือหน้าเว็บคุณที่อาจจะใช้งานยากและไม่น่าอ่าน ทำให้ Bounce Rate นั้นสูง แต่การที่ Bounce Rate ต่ำนั้นแสดงว่าเป็นผลดีต่อเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะเห็นได้ว่ายิ่ง น้อย ยิ่งดี สำหรับ Bounce Rate

โดยจาก report ของ GoRocketFuel.com แสดงถึง average Bounce Rate อยู่ในช่วงระหว่าง 26% – 40% เรียกว่า “ดี” แต่ถ้าอยู่ในช่วงระหว่าง 41 – 51 % นั้น เรียกว่า “ปกติ” แต่ถ้ามากกว่า 70% เมื่อไหร่แสดงว่าควรหาทางแก้ไขถึงจุดบกพร่องของเว็บไซต์โดยด่วน

Bounce Rate vs Exit Rate สิ่งที่ผู้คนต่างสับสนว่าเหมือนหรือต่างกัน

Exit Rate นั้นมีความคล้ายคลึงกับ Bounce Rate เป็นอย่างมาก แต่มีหนึ่งอย่างที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ

Bounce Rate คือ percentage ที่ได้จากผู้เข้ามาในเพจแล้วออกไป

เช่น ผู้เข้าชมเข้า blog ของคุณแล้วหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็กดปิดไป ก็คือ bounce rate

แต่ในทางกลับกัน 

Exit Rate คือ percentage ที่ผู้เข้าชมออกจากหน้าใดหน้าหนึ่ง (แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่หน้านั้นในตอนแรก)

เช่น ผู้เข้าชมเข้า blog ของคุณแล้วก็คลิ๊กลิ้งไปยังอีก blog นึงของคุณและหลังจากอ่านเสร็จก็กดปิดไป

ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวอย่างนี้ไม่ใช่การ bounce เพราะว่าผู้เข้าชมออกจากเว็บไซต์ของคุณใน blog ถัดมา ซึ่งเป็นการเพิ่ม page’s exit rate

วิธีลด Bounce Rate

  • Embed Youtube Videos

การที่เราแปะวิดีโอลงใน pages นั้นช่วยเพิ่มระยะเวลาที่อยู่บนหน้าเพจมากกว่า 2 เท่า ของหน้าเว็บเพจที่ไม่มีวิดีโอ เรายังสังเกตเห็นว่าการมีวิดีโออยู่นั้น ลด bounce rate ลง และ เพิ่มเวลาที่อยู่บนหน้าเว็บมากขึ้น

ซึ่งหลังจากวิเคราะห์มาแล้วจะเห็นได้ว่า หน้าเว็บเพจที่มีวิดีโออยู่ด้วยนั้นลดอัตราการเกิด bounce rate ลงถึง 11% ดังรูป

นอกจากนี้การมีวิดีโอพนหน้าเว็บเพจของเรานั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นวิดีโอของเราเสมอไป คุณสามารถฝังได้ทุกๆวิดีโอที่มาจาก youtube โดยเนื้อหาวิดีโอนั้นควรจะ make sense กับเนื้อหาบนเพจของคุณ 

  • Loading Speed 

Google Analysis ได้นำ 11 ล้าน landing pages มาวิเคราะห์พบว่า ระยะเวลาการโหลดเข้าหน้าเว็บนั้นมีผลต่อ  bounce rate เป็นอย่างมาก

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะผู้คนบนออนไลน์นั้นใจร้อนเอามากๆ  นอกจากนี้เรายังมี tools ในการช่วยให้การโหลดเข้าหน้าเว็บไซต์ของคุณเร็วยิ่งขึ้น

https://pagespeed.web.dev/?utm_source=psi&utm_medium=redirect

โดยคะแนนนั้นไม่ได้มีความสำคัญที่จะต้องรู้มากนัก 

 

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเครื่องมือนี้ แนะนำให้ดูในส่วนของ “โอกาส” ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนช่วยในการเพิ่มความเร็วในการโหลดเข้าเว็บไซต์ของคุณให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อลดโอกาสการเกิด Bounce Rate จากการรอ

Sable บอกอะไรคุณได้บ้าง

ในระบบของ Sable นั้นให้มุมมองคุณกว้างขึ้นและได้เห็นภาพที่ชัดขึ้นสำหรับเว็บไซต์ของคุณ นอกจากจะเห็น Bounce Rate แล้วยังมีจำนวนผู้เข้าชม และ จำนวนการดู พร้อมทั้งเทียบอัตราส่วนมากน้อยในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ เพื่อทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีหน้า source ก่อนจะเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณว่าผู้เข้าชมคุณมาจากเว็บไซต์อะไรก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการ ads ให้ตอบโจทย์และไม่เสียเงินเปล่า ซึ่งส่วนนี้เป็นเพียงส่วนนึงของระบบ Sable ถ้าคุณสนใจอยากที่จะเห็น Dashboard ที่เพรียบพร้อมในการใช้งานพร้อมทั้งสามารถสรุปออกมาให้คุณเห็นอย่างง่ายและเข้าใจ ได้ที่ ……………..